คู่สามีภรรยาญี่ปุ่น หย่า ทุก 3 ปี เพื่อสลับกันใช้นามสกุลของอีกฝ่าย

คู่สามีภรรยาญี่ปุ่น หย่า ทุก 3 ปี เพื่อสลับกันใช้นามสกุลของอีกฝ่าย

กลายเป็นเรื่องราวสุดประหลาดในประเทศญี่ปุ่น หลังจากที่ คู่สามีภรรยาญี่ปุ่น หย่า ทุกๆ 3 ปี เพื่อที่ว่าจะสลับกันใช้นามสกุลของอีกฝ่าย หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมทิ้งนามสกุล เมื่อวันที่ 27 มีนาคม สำนักข่าว ไมนิจิ ได้ออกมาเปิดเผยถึงเหตุการณ์สุดแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น โดยมีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งหย่ากันทุกๆ 3 ปี ไม่ใช่เพราะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งหรืออะไร แต่เป็นเพราะต่างฝ่ายต่างอยากใช้นามสกุลของตนเอง

โดยตามกฎหมายของประเทศญี่ปุ่นนั้นระบุว่า 

สามีภรรยาต้องเลือกใช้นามสกุลเดียวกัน ซึ่งทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงนั้นไม่อยากทิ้งนามสกุลเกิดของตัวเอง จึงตัดสินใจหย่าและแต่งงานใหม่ทุกๆ 3 ปี เพื่อสลับกันใช้นามสกุลของอีกฝ่าย ซึ่งทั้งคู่เล่าย้อนกลับไปตอนที่เพิ่งคบกันว่า ทั้งคู่รู้สึกเข้ากันได้ดีและตัดสินใจแต่งงานกันแม้จะเพิ่งคบกันได้ไม่กี่เดือน จากการพูดคุยก็พบว่าทั้งคู่ต่างมีความเห็นเรื่องนึงไม่ตรงกันคือเรื่องการเปลี่ยนนามสกุลของตนเองหลังแต่งงาน จนนำไปสู่การทะเลาะกัน

โดยฝั่งหญิงเล่าว่าเธอชอบนามสกุลของเธอ เพราะเพื่อสนิทของเธอตั้งชื่อเล่นที่พ้องเสียงกับชื่อเล่นของเธอ ขณะที่ฝ่ายชายคิดว่าควรจะเป็นฝ่ายหญิงที่ต้องเปลี่ยนนามสกุลมาเป็นของฝั่งชาย ก่อนที่ทั้งคู่จะตัดสินใจหย่าและแต่งงานใหม่เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้ข้อตกลงที่ลงตัว

ทั้งนี้ทั้งคู่จะหย่ากันอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ หลังจากที่ทั้งสองแต่งงานครั้งล่าสุดเมื่อปี 2562 ซึ่งการแต่งงานคราวนี้จะเป็นการกลับไปใช้นามสกุลของฝ่ายชาย ทั้งนี้ทั้งสองวางแผนว่าในอนาคตพวกเขาจะไปแต่งงานที่ต่างประเทศเพื่อที่ให้พวกเขาสามารถรักษานามสกุลของตนเองไว้ได้ โดยไม่ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา

การสังหารครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เมืองบูกาถูกยูเครนยึดครองนานร่วมเดือน ซึ่งทางนายกเทศมนตรีระบุถึงการสังหารครั้งนี้ว่า เป็นการกระทำที่ไร้ซึ่งกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีการรายงานว่ามีประชาชนถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยทหารรัสเซียอีกด้วย

สหรัฐฯ เดินหน้ายื่นเรื่องต่อสหประชาชาติ ให้ระงับสถานะสมาชิก คณะมนตรีสิทธิมนุษยชน ของ รัสเซีย หลังถูกกล่าวหาว่าฆ่าประชาชนในบูกา เมื่อวันที่ 4 เมษายน สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า สหรัฐอเมริกา จะเตรียมยื่นเรื่องต่อสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หรือ UN ให้ระงับสถานะสมาชิกของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หลังจากที่ทางยูเครนกล่าวว่า กองทัพรัสเซียฆ่าประชาชนในเมืองบูกา

ทั้งนี้มติดังกล่าวจะได้รับการอนุมัติหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าสมาชิก 193 คนจะลงคะแนนเสียงเห็นด้วยเป็นจำนวน 2/3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดหรือไม่

โดยทูตของสหรัฐฯ ได้ออกมาให้ความเห็นในประเด็นดังกล่าวว่า การที่รัสเซียถือเป็นสมาชิกของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติถือเป็นเรื่องตลก และเป็นเรื่องที่ผิด ซึ่งเธอเชื่อว่านี่คือเวลาที่จะลงเสียงเพื่อขับไล่รัสเซียออกจากสมาชิก ซึ่งทางสหรัฐฯอยากให้มีการลงเสียงในสัปดาห์นี้

ขณะที่ทางยูเครนระบุว่า พวกเขาจะใช้กลไกของสหประชาชาติทุกชนิดเพื่อเก็บหลักฐาน อาชญากรรมทางสงครามที่รัสเซียก่อไว้ในประเทศยูเครน

เจ้าชายจอร์แดน ประกาศสละพระยศ ให้เหตุผลเห็นไม่ตรงกับสถาบัน

เจ้าชายจอร์แดน ทรงโพสต์ข้อความประกาศสละพระยศ เจ้าชาย โดยให้เหตุผลว่า ความเชื่อของพระองค์ไม่สอดคล้องกับวิธีการหลายอย่างของสถาบันสมัยปัจจุบัน เมื่อวันที่ 4 เมษายน สำนักข่าว BBC รายงานว่า เจ้าชาย ฮัมซาห์ บิน ฮุสเซน อดีตมกุฎราชกุมารแห่งประเทศจอร์แดน ประกาศสละพระยศเจ้าชายของพระองค์ โดยให้เหตุผลว่าความเชื่อของพระองค์ไม่สอดคล้องกับวิธีการหลายอย่างของสถาบันสมัยปัจจุบัน

โดยพระองค์ได้ทรงโพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ระบุว่า “จากสิ่งที่ข้าพเจ้าได้เห็นในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ข้าพเจ้าได้ข้อสรุปว่าความเชื่อส่วนบุคคลที่พระบิดาปลูกฝังมา ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าพพระเจ้าพยายามยึดมั่นมาตลอด ไม่สอดคล้องกับวิธีการหลายอย่างของสถาบันสมัยปัจจุบัน”

“ด้วยความซื่อสัตย์ต่อพระผู้เป็นเจ้าและมโนธรรม ข้าพเจ้าไม่เห็นทางอื่นนอกจากสละยศเจ้าชาย ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับใช้ประเทศอันที่เป็นรักและพสกนิกรในตลอดหลายปี ข้าพเจ้าจะภักดีต่อจอร์แดนที่รักของเราต่อไป เหมือนอย่างที่เป็นมาเสมอและตราบเท่าที่ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่”

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เจ้าชายฮัมซาห์เคยถูกกักบริเวณ หลังจากที่กล่าวหาว่าผู้นำประเทศ คอร์รัปชัน ไม่มีความสามารถ และ ใช้อำนาจโดยมิชอบ แต่ในเดือนมีนาคม จอร์แดนเผยแพร่จดหมายซึ่งอ้างว่าลงพระนามโดยเจ้าชายฮัมซาห์ ระบุข้อความขออภัยโทษจากคิงอับดุลเลาะห์ที่ 2

เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งตามล่าตัวมือปืนที่ลงก่อเหตุโหด กราดยิงแซคราเมนโต ในประเทศสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 6 ศพ ได้รับบาดเจ็บอีก 12 ราย

เมื่อวันที่ 4 เมษายน  สำนักข่าว CNN รายงานว่า เกิดเหตุคนร้ายก่อเหตุกราดยิงใจกลางเมืองแซคราเมนโต รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 6 ศพ และได้รับบาดเจ็บ 12 ราย โดยเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุตัวตนผู้ก่อเหตุได้ และกำลังเร่งตามล่าหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุความรุนแรงในครั้งนี้

แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น