โกงออมทอง ทนายเจมส์ เปิดประเด็นโพสต์แฉพิรุธ ร้านทองสระบุรี ระดมทุนออมทอง 10,000 บาท ได้กำไร 15,000 บาท แถมจัดโปรโมชั่นออมทอง 1 บาท ก่อนโกยเงินเผ่นแน่บ กลายเป็นอีกหนึ่งคดีที่ต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดหลังเกิดกรณี แอบอ้างชวนลงทุน ออมทองจนสุดท้ายมีชาวบ้านหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อสูญเงินกันจำนวนมาก โดยวันที่ 22 ธันวาคม 2565 ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต ออกมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว
โดยเขียนเล่าเนื้อหาคดีโกงออมทองเที่ยวนี้ไว้ว่า
ร้านทองแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี ระดมทุนออมทอง 10,000 บาท ได้กำไร 15,000 บาท ล่าสุดจัดโปรโมชั่น 12.12 ออมทอง 1 บาท จ่าย 23,000 บาท ได้เงินไปมหาศาล ก่อนปิดร้านขนข้าวของหนีลอยนวล ทั้งนี้ ต่อมาเมื่อเวลา 11.30 น. ของวันนี้ ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กรุงเทพมหานคร ผู้เสียหายจำนวน 30 ราย จากหลายจังหวัด ที่ถูกร้านทอง “บ้านแม่จ๋า”(วรรษมน ออมทอง) โกงแชร์ออมทองคำ ความเสียหายประมาณ 700 ล้านบาท จากตัวแทนจำหน่ายทั้งหมด 130 ราย แต่ละคนจะมีมูลค่าความเสียหายนับ 10 ล้านบาทขึ้นไป ได้เข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่สอบสวนว่า พวกตนเป็นกลุ่มตัวแทน (แม่ข่าย) จำหน่ายทองให้แก่ลูกค้าซึ่งเกิดความเสียหายร่วมกับลูกค้ารายอื่นๆ
โดยได้ร่วมลงทุนออมทองกับ น.ส.วรรษมน(สงวนนามสกุล) ผ่านเฟซบุ๊กบัญชีชื่อ Watsamon Tongkhiew และ เพจ “เฟื่อง โกลด์ ดัง ออมทอง ขายทอง ออนไลน์” ที่เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ ก.ค.64 เคยซื้อทองให้ลูกค้าทุกครั้งก็จะได้เงินมาตลอด กระทั่งเกิดมีปัญหาเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.65 ที่ผ่านมา ที่เลื่อนนัดไม่จ่ายไม่เคลื่อนไหวใดๆ
ขณะที่พฤติกรรมการโกงนั้น ผู้เสียหายเล่าว่า นางสาววรรษมนจะจัดโปรโมชั่นจำหน่ายทองในแต่ละเดือน เช่น เดือน พ.ย.ที่ผ่านมา จะเป็นโปรฯ ราคาทองน้ำหนัก1 บาท ราคา 23,000 บาท และของแถมทอง 0.6 กรัม บ้าง 1 กรัมบ้าง
โดย “น.ส.วรรษมน” สร้างความน่าเชื่อถือเพราะมีหน้าร้านจำหน่ายทองชื่อ “เฟื่อง โกลด์ ดัง” ที่ ต.หนองปลาไหล อ.เมือง สระบุรี มีธุรกิจต่างประเทศ มีสินค้าหลายๆ อย่างจำหน่าย อ้างว่าเป็นธุรกิจที่สะอาดตรวจสอบได้ ไม่ใช่การหมุนเงินหรือแชร์ลูกโซ่
ผู้เสียหาย ยอมรับว่า เวลานี้เดือดร้อนกันอย่างมากจึงอยากเรียกร้องให้นางสาววรรษมนออกมาตอบหรือชี้อแจงว่าจะเอาอย่างไร จะดำเนินการอย่างไร ตอนนี้บรรดาลูกค้าที่ซื้อทองผ่านกลุ่มตัวแทนอีกทอดก็กดดันกันมาก ทั้งข่มขู่ จะเอาผิดดำเนินคดีกับกลุ่มตัวแทน บางรายบุกเข้าไปในบ้านไปค้นทรัพย์สินถึงในห้องนอนตัวแทนจำหน่ายก็มี ได้รับความเดือดร้อนกันมากๆ จึงเป็นเหตุให้ที่วันนี้ บรรดาแม่ข่ายจึงนัดรวมตัวมาแจ้งความตำรวจกองปราบซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน ทั้งนี้ เบื้องต้น พงส.บก.ป. จะทำการตรวจสอบพยานหลักฐานที่ผู้เสียหายรวบรวมมาก่อนจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สาวโรงงานเครียดรับปีใหม่ ถูกหลอกจนหมดตัว หลงไปเชื่อไลน์กู้เงิน
มิจฉาชีพอ้างเป็นบริษัทสินเชื่อ กู้เงินออนไลน์ สาวโรงงาน เงินเดือนเพิ่งออกแต่ถูกหลอกจนหมดตัว แถมโจรแสบยังยกข้อกฏหมายข่มขู่ จนเหยื่อต้องหอบหลักฐานแจ้งความพร้อมเตือนคนอื่นให้ระวัง กลายเป็นอีกหนึ่งคดีความอุทาหรณ์ สำหรับ น.ส.สุดารัตน์ อายุ 24 ปี พนักงานโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2565 เธอได้ออกมาเปิดเผยกรณีตกเป็นเหยื่อ มิจฉาชีพอ้างเป็นบริษัทสินเชื่อ กู้เงินออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์
โดยผู้เสียหายเล่าว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตัวเธอไปเจอแพลตฟอร์มเงินกู้ในเฟซบุ๊ก จึงทักข้อความไปเพื่อสอบถามรายละเอียด ต่อมามีการแอดไลน์พร้อมส่งรายละเอียดขั้นตอนการกู้เงิน พร้อมกับลิงค์ให้กรอกรายละเอียดเพื่อให้ได้รับการอนุมัติจะมีเงินเข้าในแอพเป๋าตัง
มาถึงตรงนี้ กระบวนการที่กลุ่มโจรแสบออกอุบายให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ เริ่มจากมีการแจ้งมาทางไลน์ว่าเงินกู้วงเงิน 30,000 บาทได้รับการอนุมัติแล้ว แต่ ! ให้โอนเงิน 3,600 บาท เพื่อขอรหัส OTP เพื่อทำการถอนเงินทั้งหมดออกโดยเงินจำนวน 3,600 บาท จะเข้ามาพร้อมเงินที่กู้ 30,000 บาท
อย่างไรก็ตาม คุณสุดารัตน์ เล่าว่าเธอเองยังไม่ได้โอนเงินไปให้ทันทีในเวลานั้น เนื่องจากยังไม่มีเงินต้องรอเงินเดือนออกวันที่ 23 ธันวาคม โดยมิจฉาชีพได้ติดต่อด้วยการส่งข้อความม าหาผู้เสียหายบ่อยครั้ง กระทั่งเงินเดือนของหญิงสาวโรงงามออกตามที่ระบุจึงมีการโอนเงินไป จำนวน 3,600 บาท เพื่อขอรหัส OTP ตามที่แจ้งมา จากนั้นกลุ่มมิจฉาชีพได้ทำการตอบข้อความกลับมาว่า กรอกข้อมูลผิด ให้โอนไปอีก 12,500 บาท เพื่อแก้ไข พร้อมให้เขียนกำกับว่า เพื่อปลดล็อกอายัด และจะคืนเงินที่โอนมาพร้อมเงินที่ขอกู้ ซึ่งต่อมาผู้เสียหายได้ไปตรวจสอบลิงค์ก็พบว่ากรอกเลขที่บัญชีธนาคารผิดจริงจึงหลงเชื่อโอนเงิน แต่ลืมเขียนกำกับไปว่า ปลดล็อกอายัด
ทางเงินกู้ก็ให้ตนโอนไปเพิ่มอีก 12,500 บาทในยอดเดิมเพื่อแก้ไข แต่ สาวโรงงานผู้เคราะห์ร้ายเองไม่มีเงินเหลือแล้วเพราะเงินเดือนที่ออกมา โอนให้ไปหมดแล้ว กับมีการติดต่อกับมาว่าให้หาเงินมาโอนเพื่อแก้ไขไม่เช่นกันจะถูกดำเนินการทางกฎหมายในการกรอกหรือให้ข้อมูลผิดพลาด
ทั้งนี้ คุณสุดารัตน์ ผู้เสียหายยอมรับว่าตอนนี้เครียดมาก ปีใหม่เงินเดือนที่ออกมาก็ไม่เหลือแถมยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีก อยากออกมาเตือนให้ผู้ที่คิดจะกู้ผ่านแอพออนไลน์บนแพลตฟอร์ม เงินกู้ต่าง ๆ บนโซเชียล ไม่อยากให้คนอื่นตกเป็นเหยื่อเช่นเธอให้ไปกู้กับธนาคารที่มีความแน่นอนดีกว่า ตอนนี้เองผู้เสียหายก็ยังกลัวว่าจะถูกดำเนินคดีเพราะกลุ่มมิจฉาชีพทำเป็นอ้างจะให้คนมาลงพื้นที่และเก็บเงิน 30,000 บาท ทั้ง ๆ ที่คุณสุดารัตน์ยังไม่เคยได้เงินเลยด้วยซ้ำ !
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> ufabet เว็บตรง